โดย กลุ่มดอยเวียงเกี๋ยง » อาทิตย์ 04 ธ.ค. 2011 11:46 am
จากคำถามที่ว่า...
เหมือนกับจะรู้แต่ก็ไม่รู้ ตอนนี้รู้สึกเบื่อ จิตมันทื่อๆ
และก็ไม่ได้ท่องธาตุ4แล้ว เหมือนจิตเราจะมีความหลงผิดอยู่เรื่อยๆ
คือตอนที่จิตรู้ธรรมะ จิตจะมีกำลัง แต่ตอนที่จิตถูกบีบคั้นจิตจะหดหู่...
ตอนนี้ก็เลยเบื่อๆ เราจะแก้จิตตรงนี้อย่างไรดีคะ?
---------------------------------------------------------------------------------------
ให้คำแนะนำดังนี้...
อาการที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ เป็นเพราะคุณทิ้งฐานของจิต
ถ้าเราไปจับความรู้มันจะขาดฐาน (ทิ้งฐาน)
ความรู้มันไม่เที่ยง
ความรู้ตรงนั้น คือ ปัญญายังไม่เกิดการละ
ฉะนั้นแล้ว การปฏิบัติจะทิ้งฐานไม่ได้เลย
ขอแนะนำให้กลับไปหาฐานที่เราเคยทำ คือ กลับไปท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔
อย่าทิ้ง!
เพราะคุณบอกว่า "และก็ไม่ได้ท่องธาตุ4แล้ว เหมือนจิตเราจะมีความหลงผิดอยู่เรื่อยๆ"
ส่วนเรื่องอาการอย่างอื่น [จริงๆทุกอาการ ทุกอารมณ์ นั่นแหละ(หลักๆ คือ อารมณ์อันน่าชอบใจ และ อารมณ์อันไม่น่าชอบใจ)] ที่ตามมา
ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีเหตุก็จะเกิดขึ้น เมื่อหมดเหตุก็จะดับหายไป
ถึงจะเป็นอารมณ์ชนิดใดๆก็ตาม ที่เกิดขึ้นปรากฏกับจิตอย่างไร
ก็ให้ "ดูมัน"
เพื่อให้เห็นอาการของมัน (อารมณ์) ว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับหายไป เมื่อไหร่
ซึ่งก็ต้องใช้ความอดทนอย่างมากในขณะที่ทำการดูอยู่
เพราะจะเกิดอาการร้อนรนกระวนกระวาย อึดอัด (อกอีแป้นแทบจะระเบิดเลยเชียวละ 555)
นั่นแหละเขาเรียกว่ากำลังบำเพ็ญตบะ อันเป็นเครื่องแผดเผา(กิเลส)
ไม่ต่างกับการที่เราเอาวัตถุสิ่งของไปผ่านความร้อนเพื่อทำลายเชื้อโรคเลย
เมื่อได้เห็นสักครั้งแล้ว ก็ให้เห็นอีก
แล้วก็เห็นบ่อยๆ เนืองๆ เป็นประจำ
จนกว่าจะเกิดการปล่อยวางเองได้ เรียกว่า เกิดปัญญาในการละ(อย่างเด็ดขาด)
โดยธรรมดา อาการของความรู้ ความไม่รู้ ความหดหู่ ความเบื่อ ชอบใจ ขัดเคืองใจ ฯลฯ เหล่านี้ เป็นของไม่เที่ยง
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาให้เป็นไป(ตามใจอยาก)ของผู้ใด (อนัตตา)
สิ่งที่เป็นอนัตตา ควรหรือที่จะไปมีความเห็น ว่า
"นั่น เป็นเรา
นั่น เป็นของๆเรา
นั่น เป็นอัตตาของเรา ฯ"