เรื่องลูกนกแขกเต้า

Moderator: ดอยเวียงเกี๋ยงวนา

เรื่องลูกนกแขกเต้า

โพสต์โดย ผู้ดูแลบอร์ด » ศุกร์ 09 เม.ย. 2010 4:41 am

เขาเล่าว่า นักฟ้อนรำผู้หนึ่ง จับลูกนกแขกเต้าได้ตัวหนึ่ง ฝึกสอนมันพูดภาษาคน
(ตัวเองเที่ยวไปแสดงการฟ้อนรำในที่อื่น ๆ). นักฟ้อนรำ ผู้นั้น อาศัยสำนักของนางภิกษุณีอยู่
เวลาไปในที่อื่น ๆ ลืมลูกนกแขกเต้าเสียสนิทแล้วไป. เหล่าสามเณรีก็จับมันมาเลี้ยงตั้งชื่อมันว่า
พุทธรักขิต. วันหนึ่ง พระมหาเถรี. เห็นมันจับอยู่ตรงหน้า จึงเรียกมันว่า พุทธรักขิต.
ลูกนกแขกเต้าจึงขานถามว่า อะไรจ๊ะ แม่เจ้า. พระมหาเถรีจึงถามว่า การใส่ใจภาวนาอะไร ๆ
ของเจ้ามีบ้างไหม. มันตอบว่า ไม่มีจ๊ะแม่เจ้า. พระมหาเถรีจึงสอนว่า ขึ้นชื่อว่าผู้อยู่ใน
สำนักของพวกนักบวช จะปล่อยตัวอยู่ไม่สมควร ควรปรารถนาการใส่ใจบางอย่าง แต่เจ้าไม่ต้อง
สำเหนียกอย่างอื่นดอก จงท่องว่า อัฏฐิ อัฏฐิ (กระดูก)ก็พอ. ลูกนกแขกเต้านั้น ก็อยู่ในโอวาท
ของพระเถรี ท่องว่า อัฏฐิ อัฏฐิ อย่างเดียวแล้วเที่ยวไป. วันหนึ่งตอนเช้า มันจับอยู่ที่ยอด
ประตู ผึ่งแดดอ่อนอยู่ แม่เหยี่ยวตัวหนึ่งก็เฉี่ยวมันไปด้วยกรงเล็บ. มันส่งเสียงร้อง กิริ ๆ.
เหล่าสามเณรี ก็ร้องว่าแม่เจ้าพุทธรักขิตถูกเหยี่ยวเฉี่ยวไป เราจะช่วยมัน ต่างคว้าก้อนดิน
เป็นต้น ไล่ตามจนเหยี่ยวปล่อย. เหล่าสามเณรีนำมันมาวางไว้ตรงหน้าพระมหาเถรี ๆ ถามว่า
พุทธรักขิต ขณะเจ้าถูกเหยี่ยวจับไปเจ้าคิดอย่างไร. ลูกนกแขกเต้าตอบว่า แม่เจ้า ไม่คิดอะไรๆ
ดอก คิดแต่เรื่องกองกระดูกเท่านั้นจ๊ะแม่เจ้าว่า “กองกระดูกพากองกระดูกไป จักเรี่ยราดอยู่ในที่
ไหนหนอ” พระมหาเถรี จึงให้สาธุการว่า สาธุ สาธุ พุทธรักขิต ข้อนั้นจักเป็นปัจจัย
แห่งความสิ้นภพของเจ้า ในกาลภายภาคหน้าแล.แม้สัตว์ดิรัจฉาน ในแคว้นกุรุนั้น ก็ประกอบเนื่องๆ
ซึ่งสติปัฏฐาน ด้วยประการฉะนี้ เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบถึงความเจริญแพร่หลาย
แห่งสติปัฏฐานของชาวกุรุเหล่านั้น จึงได้ตรัสพระสูตรนี้.

พระสุตตันตปิฏก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๑๔ หน้า ๒๕๙
มหามกุฏราชวิทยาลัย(เล่มสีน้ำเงิน)
ผู้ดูแลบอร์ด
Administrator
 
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 12 ก.พ. 2010 9:28 pm

ย้อนกลับไปยัง เรื่องราวจากพระไตรปิฏก

ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน

cron