อานิสงส์การเจริญกายคตาสติ ๑๐ ประการ

Moderator: ดอยเวียงเกี๋ยงวนา

อานิสงส์การเจริญกายคตาสติ ๑๐ ประการ

โพสต์โดย ผู้ดูแลบอร์ด » ศุกร์ 09 เม.ย. 2010 4:39 am

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย “กายคตาสติ” อันภิกษุเสพแล้วโดยมาก เจริญแล้วทำให้มากแล้ว
ทำให้เป็นยานแล้ว ทำให้เป็นพื้นที่ตั้งแล้ว ให้ดำรงอยู่เนือง ๆแล้ว อบรมแล้ว ปรารภสม่ำเสมอ
ดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์๑๐ ประการนี้ คือ


(๑)อดกลั้นต่อความยินร้ายและความยินดีได้ ไม่ถูกความยินร้ายครอบงำ ย่อมครอบงำความยินร้าย
ที่เกิดขึ้นแล้วอยู่ด้วย.


(๒)อดกลั้นต่อภัยและความหวาดกลัวได้ ไม่ถูกภัยและความหวาดกลัวครอบงำ ย่อมครอบงำภัย
และความหวาดกลัว ที่เกิดขึ้นแล้วอยู่ด้วย.


(๓)อดทน คือเป็นผู้มีปรกติอดกลั้นต่อความหนาว ความร้อนความหิว ความกระหาย ต่อสัมผัส
แห่งเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เสือกคลาน ต่อทำนองคำพูดที่กล่าวร้ายใส่ร้าย
ต่อเวทนาประจำสรีระที่เกิดขึ้นแล้ว อันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ เผ็ดร้อน ไม่ใช่ความสำราญ
ไม่เป็นที่ชอบใจ พอจะสังหารชีวิตได้.


(๔)เป็นผู้ได้ฌาน ๔ อันเกิดมีในมหัตคตจิต(จิตทรงฌาน) เครื่องอยู่สบายในปัจจุบัน
ตามความปรารถนา ไม่ยาก ไม่ลำบาก.


(๕)ย่อมแสดงฤทธิ์ได้เป็นอเนกประการ คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้
ปรากฏตัวหรือหายตัวไปนอกฝา นอกกำแพงนอกภูเขาได้ไม่ติดขัด เหมือนไปในที่ว่างก็ได้
ทำการผุดขึ้นและดำลงในแผ่นดินเหมือนน้ำก็ได้ เดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนแผ่นดินก็ได้
เหาะไปในอากาศโดยบัลลังก์เหมือนนกก็ได้ ลูบคลำพระจันทร์และพระอาทิตย์ซึ่งมีฤทธิ์
มีอานุภาพมากปานฉะนี้ ด้วยฝ่ามือก็ได้ ใช้อำนาจทางกายไปจนถึงพรหมโลก


(๖)ย่อมฟังเสียงทั้งสอง คือ เสียงทิพย์และเสียงมนุษย์ ทั้งที่ไกล และที่ใกล้ได้ด้วย ทิพยโสตธาตุ
(หูทิพย์) อันบริสุทธิ์ ล่วงโสต(หู)ของมนุษย์.


(๗)ย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น และบุคคลอื่นได้ ด้วยใจ คือจิตมีราคะก็รู้ว่าจิตมีราคะ
หรือจิตปราศจากราคะ ก็รู้ว่าจิตปราศจากราคะ จิตมีโทสะก็รู้ว่าจิตมีโทสะ หรือจิตปราศจาก
โทสะก็รู้ว่าจิตปราศจากโทสะ จิตมีโมหะก็รู้ว่าจิตมีโมหะ หรือจิตปราศจากโมหะก็รู้ว่าจิตปราศ
จากโมหะ จิตหดหู่ ก็รู้ว่าจิตหดหู่ จิตฟุ้งซ่านก็รู้ว่าจิตฟุ้งซ่าน จิตเป็นมหัคคตะก็รู้ว่าจิต
เป็นมหัคคตะ หรือจิตไม่เป็นมหัคคตะก็รู้ว่าจิตไม่เป็นมหัคคตะ จิตยังมีจิตอื่นยิ่งกว่า ก็รู้ว่าจิต
ยังมีจิตอื่นยิ่งกว่า หรือจิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า ก็รู้ว่าจิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า
จิตตั้งมั่นก็รู้ว่าจิตตั้งมั่น หรือจิตไม่ตั้งมั่นก็รู้ว่าจิตไม่ตั้งมั่น จิตหลุดพ้นแล้วก็รู้ว่าจิตหลุดพ้น
แล้วหรือจิตยังไม่หลุดพ้นก็รู้ว่าจิตยังไม่หลุดพ้น.

(๘)ย่อมระลึกถึงขันธ์ ที่อยู่อาศัยในชาติก่อนได้เป็นอเนกประการคือระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติ
บ้าง สามชาติบ้าง สี่ชาติบ้าง ห้าชาติบ้างสิบชาติบ้าง ยี่สิบชาติบ้าง สามสิบชาติบ้าง
สี่สิบชาติบ้าง ห้าสิบชาติบ้างร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง หลายสังวัฏกัปบ้าง
หลายวิวัฏกัปบ้าง หลายสังวัฏวิวัฏกัปบ้าง ว่าในชาติโน้น เรามีชื่ออย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้
มีผิวพรรณอย่างนี้ มีอาหารอย่างนี้ เสวยสุขและทุกข์อย่างนี้ มีกำหนดอายุเท่านี้ เรานั้น
เคลื่อนจากชาตินั้นแล้ว บังเกิดในชาติโน้นแม้ในชาตินั้นเราก็มีชื่ออย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้
มีผิวพรรณอย่างนี้ มีอาหารอย่างนี้ เสวยสุขและทุกข์อย่างนี้ มีกำหนดอายุเท่านี้
เรานั้นเคลื่อนจากชาตินี้แล้ว จึงเข้าถึงในชาตินี้ ย่อมระลึกถึงขันธ์ที่อยู่อาศัยในชาติก่อนได้
เป็นอเนกประการพร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศเช่นนี้.

(๙)ย่อมมองเห็นหมู่สัตว์กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม
ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ฯลฯ ย่อมมองเห็นหมู่สัตว์ที่
กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลวประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก
ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมทราบชัดหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม
เช่นนี้.

(๑๐)ย่อมเข้าถึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป
ทำให้แจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันอยู่.


[color=#0000BF] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย “กายคตาสติ” อันภิกษุเสพแล้วโดยมาก เจริญแล้วทำให้มากแล้ว
ทำให้เป็นยานแล้ว ทำให้เป็นพื้นที่ตั้งแล้ว ให้ดำรงอยู่เนือง ๆแล้ว อบรมแล้ว
ปรารภสม่ำเสมอดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๐ ประการได้ดังนี้แล.
[/color]

พระไตรปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๒๒ หน้าที่ 398 มหามกุฏราชวิทยาลัย(เล่มสีน้ำเงิน)
ผู้ดูแลบอร์ด
Administrator
 
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 12 ก.พ. 2010 9:28 pm

ย้อนกลับไปยัง เรื่องราวจากพระไตรปิฏก

ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน

cron