หมอนัดวันผ่าตัด

Moderator: ดอยเวียงเกี๋ยงวนา

หมอนัดวันผ่าตัด

โพสต์โดย ผู้ดูแลบอร์ด » ศุกร์ 09 เม.ย. 2010 4:35 am

ข้าพเจ้า นางอุรา บุตรสาร อายุ ๕๙ ปี (พ.ศ.๒๕๕๓)เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๘
ข้าพเจ้าได้ป่วยเป็นโรคปวดขา ปวดแขน ปวดไหล่ข้างซ้าย ปวดทั้งแถบเลย จนเกือบจะเป็น
อัมพาต ได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอบอกว่า “เป็นกระดูกทับเส้น” ก็ได้ให้ยามากิน
อาการทุเลาลงแต่ก็ไม่หาย บางวันอาการทุเลา บางวันก็ปวดมากจนเดินไม่ได้ จึงต้อง “คลาน”
เข้าห้องน้ำ ต่อมาอาการปวดเกิดหนักขึ้นๆ ได้ไปหาหมออีก ไปๆ มาๆ อยู่หลายเดือน จนหมอ
เอกซ์เรย์ดูแล้ว บอกว่าจะต้องผ่าตัด หมอนัดวันผ่าตัดในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า พอถึงวันหมอ
นัดผ่าตัด ข้าพเจ้าไม่ไปให้หมอผ่าตัด (ไม่มั่นใจว่า หลังการผ่าตัดแล้ว จะส่งผลเสียต่อตัวเรา
อย่างไรบ้าง) ก็เลยไปหาหมอนวดเส้น จับเส้น ได้ไปหาหมอจับเส้นหลายที่หลายแห่ง
หมดเงินหมดทองไปไม่น้อย อาการปวดก็ทุเลาลงบ้าง แต่ยังไม่ถึงกับหาย

ต่อมา ปี พ.ศ.๒๕๕๐ เดือนกรกฎาคม เป็นวันเข้าพรรษา ได้เดินทางไปที่สำนักปฏิบัติ
ธรรมดอยเวียงเกี๋ยงวนา พระอาจารย์บอกว่าถ้าอยากหายจริงๆให้สละ “วัตถุปลุกเสก” ทั้งหลาย
ออกให้หมด แล้วให้ “อุทิศบุญ” แก้ไข ก็ได้ทำตามที่ท่านบอกอยู่นาน แต่ก็ยังได้ผลไม่มาก
ต่อมาพระอาจารย์ให้ท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ เพิ่มเติม สลับกับการอุทิศบุญให้มากๆ ตอน
ท่องธาตุฯใหม่ๆ ทำได้ไม่คล่อง ยังสับสนอยู่ ได้หน้าลืมหลังบ้าง ท่องสลับธาตุ เช่น ท่อง
ธาตุดินเป็นธาตุน้ำ ท่องธาตุน้ำเป็นธาตุไฟบ้าง สับสนปนเปกันไปหมด พอท่องนานๆ เข้าก็จำได้
พอจำได้ก็ท่องได้คล่องแคล่ว พอทำได้คล่องแคล่วก็ท่องได้นานเป็นชั่วโมงๆ ทำอยู่อย่างนี้จนจิต
จดจ่ออยู่กับการท่องธาตุฯ

มีอยู่คืนหนึ่ง ท่องธาตุฯ อยู่ระหว่างตีสามถึงตีสี่ เกิดอาการปวดศีรษะ แล้วคลื่นไส้
เวียนศีรษะ พระอาจารย์เคยบอกไว้ว่า “หากท่องธาตุฯ แล้วเกิดอาการปวด หรือเวียนศีรษะ
ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องตกใจ! ให้ท่องแบบเร่งกระหน่ำเข้าไป สุดท้ายก็จะรู้เองว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับ
ตัวผู้ท่อง” ก็เลยท่องเร่งเข้าๆ เกิดอาการปวดศีรษะมากยิ่งกว่าเดิม จนศีรษะแทบจะระเบิดในขณะ
นั้นแต่เกิดอาเจียนออกมาเสียก่อน ทั้งขี้มูก น้ำลาย ปัสสาวะ ก็ออกมาพร้อมๆกันในขณะนั้น
พออาเจียนออกมาหมดแล้วก็เกิดอาการเบา สบาย โปร่ง โล่ง ไปทั้งตัว
อยู่มาวันหนึ่ง เวลาประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสองโมง ข้าพเจ้านั่งท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔
อยู่แล้วเกิดอาการง่วงนอน เคลิ้มๆ อยู่ในขณะนั้น ก็เอนตัวลงนอน ท่องธาตุฯ ยังไม่ถึงรอบ
ท่องไปถึงธาตุไฟเท่านั้นแหละได้ยินเสียงศีรษะแตกดังตูม เหมือนลูกโป่งแตก เกิดสะดุ้งตกใจ
พอรู้สึกตัว ก็เอามือจับที่ศีรษะดูว่า ศีรษะเรามันยังอยู่หรือเปล่า! ตอนศีรษะแตกนั้นแตกออก
ไปถึงครึ่งตัว จากนั้นก็ท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ หนักเข้าๆ ช่วง ๒-๓ เดือนแรกที่ปฏิบัติอยู่จะนั่ง
นอน หรือเดิน ก็ท่องธาตุฯ อยู่เรื่อยๆ จะมีอาการอาเจียนบ่อย หลังจากนั้นก็ค่อยๆ หายไปๆอยู่
ต่อมาพระอาจารย์ก็แนะให้ทุกๆ คนที่ไปปฏิบัติว่า ใครท่องธาตุกัมมัฏฐานได้คล่องแคล่วแล้ว
ท่องจนขึ้นใจแล้ว ให้ไปคิดแยกร่างกายออกเป็นธาตุทั้ง ๔ แล้วคิดรวมธาตุทั้ง ๔ เข้าให้เป็น
ร่างกาย คิดแยกแล้วรวมๆ แล้วแยก ทำบ่อยๆ มากๆ จนให้จิตยอมรับต่อความจริง ข้าพเจ้าก็ไป
ทำดู แต่จิตยังไม่ยอมรับ จิตมันก็เถียงอยู่ในใจว่า “แยกยังไงก็แยกไม่ออก ยืน เดิน นั่ง นอน
ก็ท่องธาตุฯ แยกธาตุฯ ท่อง-แยกๆๆๆ ก็ยังแยกไม่ออกอยู่ดี แยกไม่ได้ก็ไม่ต้องแยกมันละวะ...!
ท่องอย่างเดียว” ก็เลยได้แต่ท่องๆๆๆ
ต่อมา เดือนกันยายน วันที่ ๒๒ คืนนั้นเป็นคืนที่สามีเสียชีวิต เวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ
ญาติพี่น้องก็มารวมกัน นั่งคุยกันอึกทึกคึกโครมอยู่ ข้าพเจ้าบอกว่า “โอ๊ย... ง่วงนอน”
พอพูดจบก็เอนตัวลงนอนท่ามกลางที่แขกนั่งคุยกัน ตอนที่ข้าพเจ้าเอนตัวลงนอนนั้นก็ท่องธาตุฯ
พอท่องไปถึงธาตุไฟเท่านั้นแหละ ปรากฏว่ารูปร่างตัวตนของข้าพเจ้าทั้งตัวแตกกระจุยกระจายออก
ดังตูม เหมือนเสียงลูกประทัดแตก ข้าพเจ้ามองดูอยู่เห็นเป็นสีขาวแตกบานออก จากนั้นมันก็ยุบๆๆ
ลงมาสู่พื้นดินหมด ไม่เหลืออะไร พอข้าพเจ้ารู้สึกตัวก็เอามือมาจับตัวเองดู คิดว่าตัวเองตายแล้ว
“เอ... เรายังไม่ตายนี่” จึงลุกขึ้นมา ก็แยกย้ายกันไปนอนต่อจากนั้นก็ปฏิบัติอยู่กับ
ธาตุกัมมัฏฐาน๔ มาเรื่อยๆ จนถึงช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๑ อาการปวดขา ปวดแขน
ปวดไหล่ที่เคยมี ไม่รู้ว่าหาย ปวดตั้งแต่ตอนไหน (ใช้เวลาเจ็ดเดือนตั้งแต่เริ่มท่อง)
แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่ทิ้งการท่องธาตุกัมมัฏฐาน๔ ไม่ว่าจะเดิน นั่ง ทำกับข้าว เข้าห้องน้ำ
ก่อนนอนก็ท่องธาตุฯ แล้วก็พิจารณาแยกแยะร่างกายให้ เป็นธาตุฯ ตามที่เราท่องนั่นแหละ

ถ้าผู้ใดอยากเรียนรู้ธาตุกัมมัฏฐาน ๔ มันไม่ยากหรอก ลองเรียนดูก็ได้ ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งสิ้น
ทำได้เลย ข้าพเจ้าก็ยังมีกิเลสเต็มหัวใจอยู่ ตอนมาปฏิบัติกับการอุทิศบุญและท่องธาตุฯ ใหม่ๆ
ก็อยากจะหาย ปวดแขนปวดขา (ได้มีผู้บอกว่า อุทิศบุญด้วย ท่องธาตุฯ ด้วยแล้ว จะช่วยแก้ไขได้
ก็เลยอยากลองทำดู ตอนแรกๆ ก็ไม่ค่อยจะเชื่อ) ตอนที่ปวดนั้นมันทรมานมากๆ ข้าพเจ้าก็ทำไป
เรื่อยๆทั้งอุทิศบุญให้ญาติทิพย์ เทวดาที่รักษา นายเวร และเหล่าเชื้อโรค ทั้งท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔
ข้าพเจ้าทำมากๆ ทำเนืองๆ ทำเรื่อยๆ ไม่ขาด ไม่ละเลย พอท่องธาตุฯ ถึง ณ จุดๆ หนึ่ง จิต
มันจะยอมรับความจริงว่า ร่างกายของเรามันเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นไฟ เป็นลม การยอมรับเรื่องของ
ร่างกายได้ จะมีอานุภาพรักษาโรคบางอย่างได้
ฝากส่งท้ายสักนิด ขอให้มีความเพียรในการกระทำ ให้มากๆ ให้ท่องธาตุกัมมัฏฐานสี่สลับกับ
การอุทิศบุญก็รักษาโรคให้หายได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งยาเลย โรคบางอย่างต้องไปหาหมอ โรคบาง
อย่างต้องใช้ “ธรรมะ” รักษา.





นางอุรา บุตรสาร
เลขที่ ๔๙ ซอยรามคำแหง ๖๕ แยก ๑ แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
ผู้ดูแลบอร์ด
Administrator
 
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 12 ก.พ. 2010 9:28 pm

ย้อนกลับไปยัง ธรรมโอสถ

ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน

cron