หมอบอกฉันว่าฉันเป็นโรคตับ

Moderator: ดอยเวียงเกี๋ยงวนา

หมอบอกฉันว่าฉันเป็นโรคตับ

โพสต์โดย ผู้ดูแลบอร์ด » ศุกร์ 09 เม.ย. 2010 4:33 am

ข้าพเจ้า นางสา แก้วตรง อายุ ๗๐ ปี ป่วยหนักไปหาหมอที่โรงพยาบาลมาแล้ว
๒ โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าฉันเป็น “โรคตับ” ตัวก็เหลือง ตาก็เหลืองฉันกินข้าวไม่ได้อยู่ ๒
เดือนกินแต่น้ำ จนฉันว่าฉันจะตายแล้ว พวกลูกๆก็เลยพาฉันไปหาพระอาจารย์ที่ดอยเวียงเกี๋ยง
เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๒ พอฉันขึ้นไปพระอาจารย์บอกว่าฉันเป็นโรคที่เกี่ยวกับ“อมนุษย์สิง”
พระอาจารย์ให้ฉันรับ “พระไตรสรณคมน์” แล้วให้ท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ โดยพระอาจารย์ได้
อธิบายให้ฟังว่า“อตมาได้ค้นคว้าในพระไตรปิฎก เห็นในพระสูตรเรื่องหนึ่งที่ได้กล่าวถึงเรื่องของ
การรักษาโรคที่เกี่ยวกับการก่อกวนของ อมนุษย์ ด้วยการเจริญกายาคตาสติ ว่าสามารถป้องกัน
การก่อกวนของอมนุษย์ได้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากหายให้ท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ อมนุษย์จะไม่มา
ก่อกวนได้อีก ถ้ามันสิงอยู่ในตัวเรามันก็ทนอยู่ไม่ได้“ฉันก็เลยตั้งใจท่องติดต่อกันสามวันสามคืน
ไม่หลับไม่นอนเลยเพราะความกลัวว่าจะไม่หาย พอถึงคืนที่สี่ประมาณตีสองฉันนั่งท่องธาตุ ๔ อยู่
ฉันก็มีอาการหวามๆในตัว แล้วตาก็เกิดสว่างจ้าขึ้นมาเหมือนอย่างกลางวันเลยนะ เห็นโครงกระดูก
อยู่ตรงหน้า ฉันก็ตกใจกลัว ฉันก็ยิ่งท่องธาตุ ๔ เร็วยิ่งขึ้นความกลัวก็หายไป พอตื่นเช้ามาจะพูด
ให้ใครฟังก็ไม่กล้า กลัวเขาไม่เชื่อ ประมาณสองสามวันจึงพูดให้แม่ลำที่ขึ้นมาถือศีลบนดอยฟัง
เขาก็บอกว่านั้นแหละคือ “ธรรมะ” ฉันก็ยิ่งท่องธาตุ ๔ มากยิ่งขึ้นเพราะอยากรู้ธรรมะ ท่องทั้ง
กลางวันกลางคืน ยืน เดิน นั่ง นอน ก็ท่องอยู่อย่างนั้นจนอาการป่วยของฉันหายดี กินข้าวได้
ร่างกายกลับมาดีเหมือนเดิม พระอาจารย์บอกว่า

“แม้จะหายดีแล้วก็ให้ท่องต่อไปอย่าหยุดท่อง”
ฉันก็ท่องอยู่เป็นประจำ... อยู่มาวันหนึ่งประมาณตีสาม ในขณะที่ฉันท่องธาตุ ๔ อยู่จิต
ฉันก็เกิดความสงบขึ้น พอจิตสงบลงพรึบ! ตาฉันก็สว่างจ้าขึ้นอีกเหมือนครั้งก่อน มองไม่เห็น
ตัวเองเลยก็เลยสงสัยว่า เอ... ทำไมมองดูตัวเองมันไม่เห็นตัวเองเลย ก็เอามือมาคลำที่หน้า
อกดูมันก็มีอยู่เหมืนเดิมนี่ จึงนึกถึงคำของครูบาอาจารย์ที่ท่านบอกว่า มันไม่มีตัวตน มันเป็น
อนัตตา อยู่ต่อมาฉันก็ท่องของฉันอยู่ไม่ได้ลดละ จิตฉันก็สงบลงอีกพรึบ! ตาฉันก็สว่างจ้าขึ้นอีก
มองเห็นตัวเจ้าของเองอีกตัวนั่งอยู่ตรงหน้า เหมือนกันกับตัวฉันเลย ต่างกันตรงที่ร่างที่ฉันเห็นนั้น
เส้นผมสีขาวเสื้อก็ขาว ร่างกายขาวไปหมด จึงสงสัยว่าเอ... ทำไมเรามีสองตัว เราเป็นบ้าหรือ
เปล่าหนอ?ไปเล่าให้ท่านครูบาสินฟัง(พระอีกรูปหนึ่งที่ปฏิบัติธรรมอยู่กับพระอาจารย์) ท่านก็บอก
ว่า

“แม่สาไม่ได้เป็นบ้าหรอก อาตมาก็อยากเป็นแบบแม่สาแต่มันก็ไม่เป็น”
ท่านก็บอกให้ท่องธาตุ ๔ ไปเรื่อยๆ อยู่มาวันหนึ่งจวนจะออกพรรษาเหลืออีก ๗ วัน ฉัน
เดินจงกรมท่องธาตุ ๔ อยู่คนเดียว เดินท่องได้ประมาณ ๓ ชั่วโมงจิตฉันก็สงบลงอีก แต่ครั้งนี้
จิตมันไปรับรู้ “ทุกข์” ต่างๆของตนเองตั้งแต่สมัยเป็นเด็กๆ อายุได้สามขวบแม่ก็ตายจากไป ฉัน
คิดถึงแม่มาก ฉันก็ท่องธาตุ ๔ อยู่อย่างนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย เห็นความทุกข์
ต่างๆนาๆประการเกิดขึ้นกับจิต จิตก็รับรู้เรื่องราวของทุกข์ไปเรื่อยๆพร้อมกับการท่องธาตุ ๔ นี
่แหละคนเราชีวิตจริงๆแล้วมีแต่ความทุกข์ แต่คนเราไม่รู้สึกตัวว่าเราทั้งหลายตกอยู่ในกองทุกข์
แม้จิตฉันจะรับรู้เรื่องของทุกข์ แต่ฉันไม่มีความทุกข์ในขณะนั้นเลย นี่คงเป็นอานุภาพของการท่อง
ธาตุกัมมัฏฐาน ๔ แน่ๆ ทุกวันนี้ฉันมีความสบายกายสบายใจขึ้นเยอะ จึงอยากให้ชาวพุทธ
ทั้งหลายท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ ลองดูบ้าง นี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับฉันเอง สุขภาพร่างกายก็ดีขึ้น
โดยไม่ต้องกินยาเลย.

นางสา แก้วตรง
บ้านสารภี หมู่ ๑๘ ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จ.เชียงราย
ผู้ดูแลบอร์ด
Administrator
 
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 12 ก.พ. 2010 9:28 pm

ย้อนกลับไปยัง ธรรมโอสถ

ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน

cron