ท่องธาตุได้ 1 เดือน ผลปรากฏว่า

พูดคุยปัญหาเรื่องราว ต่างๆเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมะ

Moderator: ดอยเวียงเกี๋ยงวนา

ท่องธาตุได้ 1 เดือน ผลปรากฏว่า

โพสต์โดย นาติยาภร » อังคาร 10 ส.ค. 2010 11:02 am

แรกๆ ท่องธาตุแล้วรู้สึกว่า ตัวเราหายไป แต่เมื่อท่องไปนานๆเข้า รูสึกถึงความเป็นหนึ่ง

ซึ่งอธิบายไม่ค่อยจะถูก คือว่า จะมีอะไรสักอย่างหนึ่ง เหมือนเป็นก้อน (แต่ไม่ใช่ก้อน)

รวมตัวกันอยู่บริเวณหน้าอก ซึ่งเวลามีอารมณ์มากระทบ ตัวนี้จะนิ่งมาก จนรู้สึกได้ว่า เข้าใจในอารมณ์

(เป็นความรู้ในอารมณ์จริงๆ เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยเป็นอย่างนี้) แล้วมันก็ทำให้ดิฉันนิ่งได้

แต่ที่สงสัยสัยก็คือ จิตดิฉันจะเกิดความอยากรู้ อยากเห็น ในสิ่งที่เป็นธรรมะ จนเหมือนว่า จิตจะคิดในเรื่องนี้อยู่ตลอด

อย่างเช่น ถ้าได้ยินเสียงเทศน์ (ไม่เจาะจงผู้เทศน์) จิตจะจดจ่อฟังเรื่องนั้นเป็นพิเศษ แล้วนำเรื่องนั้นมาคิดอยู่ตลอดทั้งวัน

เหมือนคนฟุ้งซ่าน แต่ก็ทำงานได้ตามปกติ และทำได้ดีขึ้น จะแก้ไขจิตที่คิดอย่างนี้ ได้ยังไงดีคะ

หรือ มีวิธีแนะนำให้ทำอย่างไรต่อไปคะ
นาติยาภร
สมาชิกทั่วไป
 
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 25 มิ.ย. 2010 10:13 am

Re: ท่องธาตุได้ 1 เดือน ผลปรากฏว่า

โพสต์โดย กลุ่มดอยเวียงเกี๋ยง » อังคาร 10 ส.ค. 2010 9:50 pm

การที่คุณท่องแล้ว รู้สึกถึงความเป็นหนึ่ง เมื่อมีอารมณ์ใดๆ มากระทบก็จะนิ่ง อาการเช่นนี้เป็นลักษณะของ "จิตตั้งมั่น(เอกัคคตา)"


ส่วนอาการที่จิตเกิดความ "อยากรู้" "อยากเห็น" ในสิ่งที่เป็นธรรมะ จนเหมือนคนฟุ้งซ่าน ตรงนี้...

ให้เห็นอารมณ์ที่เข้ามากระทบจิต โดยมองดูอารมณ์ว่า เกิดขึ้นตอนไหน ตั้งอยู่นานไหม แล้วดับหายไปเมื่อไหร่

หรือที่เรียกว่าให้เห็นอารมณ์ "เกิด - ดับ"

ให้เห็นอารมณ์เช่นนี้บ่อยๆ โดยไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่านี้
กลุ่มดอยเวียงเกี๋ยง
สมาชิกทั่วไป
 
โพสต์: 77
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 25 เม.ย. 2010 6:56 am

Re: ท่องธาตุได้ 1 เดือน ผลปรากฏว่า

โพสต์โดย พระอาจารย์ต้น » พุธ 11 ส.ค. 2010 6:44 am

พระอาจารย์ต้น เขียน:การท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ เมื่อท่องติดต่อเนื่องกันมากเข้า จะทำให้เกิด "ตัว" รู้ชนิดหนึ่งขึ้นก็คือ "สติ"

เพราะการท่องธาตุฯ เป็นการเจริญกายคตาสติ แต่เป็นสติแบบ "สมถภาวนา" เป็นอุบายสงบใจ

ทำให้จิตตั้งมั่น เป็นหนึ่ง ในทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน เพราะความที่จิตของคุณ เกิดความเป็นหนึ่งขึ้นมานี้แหละ

มันจึงไปกระเทือนต่อ "ธาตุรู้" ของจิต ให้ขึ้นมารับรู้รับทราบ สภาพธรรมต่างๆ จิตจึงมีความสนใจเรื่องของธรรมะเป็นพิเศษ

บางครั้งจึงดูเหมือนกับว่าจิตฟุ้งซ่าน แต่เป็นการฟุ้งซ่านไปในธรรม แต่บางครั้งก็ดู นิ่ง สงบ เบา สบาย ตั้งมั่น

อาการทั้งสองแบบนี้ มันไม่เป็นโทษอะไร แต่ที่เป็นโทษก็คือ คุณมีความสงสัย ในอาการทั้งสองนี้ เพราะคุณไม่เข้าใจ

ขอให้คุณรู้ว่าอาการทั้งหมดที่คุณเล่ามา จัดอยู่ในองค์ของสมถภาวนา ที่ยังไม่สามารถละกิเลส (วิจิกิจฉา)ได้

มันจึงกลายเป็นความสงสัยเกิดขึ้น แต่ถ้าคุณได้เจริญวิปัสสนาภาวนาต่อ ด้วยการดูอาการต่างๆที่เกิดขึ้นในจิตคุณ

โดยการเห็นอารมณที่เกิดขึ้นในจิตนั้น เกิด-ดับ อยู่เสมอ คุณก็จะหายสงสัยเอง
:roll: :idea:
พระอาจารย์ต้น
สมาชิกทั่วไป
 
โพสต์: 39
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 22 ก.พ. 2010 12:19 pm


ย้อนกลับไปยัง ถาม-ตอบ ปัญหาธรรมะ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน

cron