หน้า 1 จากทั้งหมด 1

จิตที่หลงผิด

โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 30 พ.ย. 2011 7:26 pm
โดย วานิชยา
ที่ผ่านมาเมื่อได้ท่องธาตุกัมมัฏฐาน4แล้ว รู้สึกว่าจิตจะมีความรู้ด้านธรรมะเอาเอง

ชอบฟังเทศน์อยู่บ่อยๆ อะไรก็ได้ที่เป็นเทศน์จากพระ จิตจะจดจ่อฟัง เหมือนกับจะรู้

แต่ก็ไม่รู้ ตอนนี้รู้สึกเบื่อ จิตมันทื่อๆ และก็ไม่ได้ท่องธาตุ4แล้ว เหมือนจิตเราจะมีความ

หลงผิดอยู่เรื่อยๆ คือตอนที่จิตรู้ธรรมะ จิตจะมีกำลัง แต่ตอนที่จิตถูกบีบคั้นจิตจะหดหู่

เช่น พูดธรรมะให้คนอื่นฟังแต่เขาไม่ยอมรับฟัง แล้วยังกล่าวหาว่าเราบ้าธรรมะอีก

ตอนนี้ก็เลยเบื่อๆ เราจะแก้จิตตรงนี้อย่างไรดีคะ?

Re: จิตที่หลงผิด

โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 03 ธ.ค. 2011 6:21 am
โดย วานิชยา
กลุ่มดอยเวียงเกี๋ยงช่วยตอบคำถามด้วยคะ กำลังรอคำตอบอยู่คะ

Re: จิตที่หลงผิด

โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 04 ธ.ค. 2011 11:46 am
โดย กลุ่มดอยเวียงเกี๋ยง
จากคำถามที่ว่า...

เหมือนกับจะรู้แต่ก็ไม่รู้ ตอนนี้รู้สึกเบื่อ จิตมันทื่อๆ

และก็ไม่ได้ท่องธาตุ4แล้ว เหมือนจิตเราจะมีความหลงผิดอยู่เรื่อยๆ

คือตอนที่จิตรู้ธรรมะ จิตจะมีกำลัง แต่ตอนที่จิตถูกบีบคั้นจิตจะหดหู่...

ตอนนี้ก็เลยเบื่อๆ เราจะแก้จิตตรงนี้อย่างไรดีคะ?


---------------------------------------------------------------------------------------

ให้คำแนะนำดังนี้...

อาการที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ เป็นเพราะคุณทิ้งฐานของจิต

ถ้าเราไปจับความรู้มันจะขาดฐาน (ทิ้งฐาน)

ความรู้มันไม่เที่ยง

ความรู้ตรงนั้น คือ ปัญญายังไม่เกิดการละ

ฉะนั้นแล้ว การปฏิบัติจะทิ้งฐานไม่ได้เลย

ขอแนะนำให้กลับไปหาฐานที่เราเคยทำ คือ กลับไปท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔

อย่าทิ้ง!

เพราะคุณบอกว่า "และก็ไม่ได้ท่องธาตุ4แล้ว เหมือนจิตเราจะมีความหลงผิดอยู่เรื่อยๆ"


ส่วนเรื่องอาการอย่างอื่น [จริงๆทุกอาการ ทุกอารมณ์ นั่นแหละ(หลักๆ คือ อารมณ์อันน่าชอบใจ และ อารมณ์อันไม่น่าชอบใจ)] ที่ตามมา

ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีเหตุก็จะเกิดขึ้น เมื่อหมดเหตุก็จะดับหายไป

ถึงจะเป็นอารมณ์ชนิดใดๆก็ตาม ที่เกิดขึ้นปรากฏกับจิตอย่างไร

ก็ให้ "ดูมัน"

เพื่อให้เห็นอาการของมัน (อารมณ์) ว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับหายไป เมื่อไหร่

ซึ่งก็ต้องใช้ความอดทนอย่างมากในขณะที่ทำการดูอยู่

เพราะจะเกิดอาการร้อนรนกระวนกระวาย อึดอัด (อกอีแป้นแทบจะระเบิดเลยเชียวละ 555)

นั่นแหละเขาเรียกว่ากำลังบำเพ็ญตบะ อันเป็นเครื่องแผดเผา(กิเลส)

ไม่ต่างกับการที่เราเอาวัตถุสิ่งของไปผ่านความร้อนเพื่อทำลายเชื้อโรคเลย

เมื่อได้เห็นสักครั้งแล้ว ก็ให้เห็นอีก

แล้วก็เห็นบ่อยๆ เนืองๆ เป็นประจำ

จนกว่าจะเกิดการปล่อยวางเองได้ เรียกว่า เกิดปัญญาในการละ(อย่างเด็ดขาด)




โดยธรรมดา อาการของความรู้ ความไม่รู้ ความหดหู่ ความเบื่อ ชอบใจ ขัดเคืองใจ ฯลฯ เหล่านี้ เป็นของไม่เที่ยง

สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์

สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาให้เป็นไป(ตามใจอยาก)ของผู้ใด (อนัตตา)

สิ่งที่เป็นอนัตตา ควรหรือที่จะไปมีความเห็น ว่า

"นั่น เป็นเรา

นั่น เป็นของๆเรา

นั่น เป็นอัตตาของเรา ฯ"

Re: จิตที่หลงผิด

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 05 ธ.ค. 2011 7:30 am
โดย วานิชยา
จะเริ่มตั้งใจท่องธาตุ ๔ คะ ขอบคุณคะ

Re: จิตที่หลงผิด

โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 07 ธ.ค. 2011 4:32 am
โดย วานิชยา
มนุษย์เราเกิดมาจากไหนคะ?

Re: จิตที่หลงผิด

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 08 ธ.ค. 2011 4:29 am
โดย กลุ่มดอยเวียงเกี๋ยง
มนุษย์เริ่มแรกเป็นมนุษย์ประเภทโอปปาติกะ คือการผุดเกิดขึ้นเอง ไม่ต้องอาศัยมารดาบิดา

มนุษย์รุ่นต่อมาเป็นมนุษย์สืบเชื้อสาย ต้องอาศัยครรภ์ของมารดา

และกระบวนการแห่งการเกิดนั้น มารดาจะต้องมีระดู ได้อยู่ร่วมกันกับบิดา และมีสัตว์ผู้ที่จะมาเกิด

การประจวบกันเข้าในเหตุ ๓ ประการนี้ ก็จะมีการ "เกิด" มาเป็นมนุษย์

หากมารดาได้อยู่ร่วมกันกับบิดา และมีสัตว์เตรียมลงมาเกิด แต่มารดาไม่มีระดู ก็เกิดไม่ได้

มารดามีระดูไม่ได้อยู่ร่วมกันกับบิดา และมีสัตว์เตรียมลงมาเกิด ก็เกิดไม่ได้

มารดามีระดูได้อยู่ร่วมกันกับบิดา แต่ไม่มีสัตว์ลงมาเกิด ก็เกิดไม่ได้


หมายเหตุ คำว่าสัตว์ลงมาเกิดนั้นหมายถึง ผู้ท่องเที่ยวใน ๓๑ ภูมิ ไม่ว่าจะเป็นเทวดา เปรตผี พรหม ฯลฯ

:shock: :shock: :o :o :o :idea: :shock: :oops: :idea: :?: :| :shock: :!: