จิตพระอรหันต์ ดับตอนใหน?

พูดคุยปัญหาเรื่องราว ต่างๆเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมะ

Moderator: ดอยเวียงเกี๋ยงวนา

จิตพระอรหันต์ ดับตอนใหน?

โพสต์โดย วานิชยา » ศุกร์ 05 ส.ค. 2011 6:48 am

พระอรหันต์ในขณะที่มีชีวิตอยู่มีจิตหรือไม่?

หรือว่าจิตท่านดับตอนใหน?
วานิชยา
สมาชิกทั่วไป
 
โพสต์: 17
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 16 ก.ค. 2011 7:22 am

Re: จิตพระอรหันต์ ดับตอนใหน?

โพสต์โดย กลุ่มดอยเวียงเกี๋ยง » เสาร์ 06 ส.ค. 2011 9:28 am

พระอรหันต์ในขณะที่มีชีวิตอยู่มีจิตหรือไม่?

ตอบ : พระอรหันต์ในขณะที่มีชีวิตอยู่นั้นท่านก็ยังมีจิต แต่...ท่านไม่ยึดจิตที่มีอยู่นั้น ว่า

(จิต)นั่นเป็นเรา (จิต)นั่นเป็นของเรา (จิต)นั่นตัวตนของเรา

ส่วนกระบวนการทำงานของจิตยังมีอยู่ ตราบที่สังขารคือร่างกายของท่านยังเป็นไปอยู่ ดำเนินไปอยู่ในโลกใบนี้

แต่เมื่อใดก็ตามที่สังขารคือร่างกายของท่านหมดการทำงานลง ท่านก็ดับทั้งหมด(จิตกับกาย)

เป็นการหมดทุกข์ทางขันธ์ ๕ อย่างถาวร ที่เรียกว่าดับโดยสิ้นเชิง ซึ่งไม่มีเบญจขันธ์เหลืออีกแล้ว

เปรียบเหมือนประทีปหมดสิ้นเชื้อ ฉะนั้น






หรือว่า จิตท่านดับตอนไหน?

ตอบ : โดยธรรมชาติของจิตแล้ว เกิด-ดับ อยู่ตลอดวันและคืน


ส่วน คุณวานิชยา มีความรู้ มีความเข้าใจ เกี่ยวกับเรื่อง "จิต" มาอย่างไรบ้าง? เพื่อจะได้ตอบตรงจุดที่ประสงค์





คำสอนของพระพุทธองค์เกี่ยวกับเรื่องการเรียกว่า จิต ไว้ดังนี้... (ให้พิจารณาเอาว่า เราเข้าใจตรงตามที่ตรัสไว้หรือไม่)

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเบื่อหน่ายบ้าง คลายกำหนัดบ้าง หลุดพ้นบ้าง ในกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้

ข้อนั้นเพราะเหตุไร?
เพราะเหตุว่า ความเจริญก็ดี ความเสื่อมก็ดี การเกิดก็ดี การตายก็ดี
แห่งกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ย่อมปรากฏ
ปุถุชนผู้มิได้สดับจึงเบื่อหน่ายบ้าง คลายกำหนัดบ้าง หลุดพ้นบ้าง ในกายนั้น

แต่...ตถาคตเรียกกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง
(คำว่า มหาภูตทั้ง ๔ ได้แก่ ร่างกายอันประกอบด้วยธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม)

ปุถุชนผู้มิได้สดับ ไม่อาจเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นในจิตเป็นต้น นั้นได้เลย
ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะว่า จิตเป็นต้นนี้ อันปุถุชนมิได้สดับ รวบรัดถือไว้ด้วยตัณหา ยึดถือด้วยทิฏฐิว่า
นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา ดังนี้ ตลอดกาลช้านาน
ฉะนั้น ปุถุชนผู้มิได้สดับจึงไม่อาจจะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นในจิตเป็นต้นนั้นได้เลย.

[๒๓๑] ภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับจะพึงเข้าไปยึดถือเอากาย
อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ โดยความเป็นตน ยังชอบกว่า
แต่จะเข้าไปยึดถือเอาจิตโดยความเป็นตน หาชอบไม่


ข้อนั้นเพราะเหตุไร?
เพราะกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ เมื่อดำรงอยู่ปีหนึ่งบ้าง สองปีบ้าง สามปีบ้าง สี่ปีบ้าง
ห้าปีบ้าง สิบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง สามสิบปีบ้าง สี่สิบปีบ้าง ห้าสิบปีบ้าง ร้อยปีบ้าง ยิ่งกว่าร้อยปีบ้าง ย่อมปรากฏ
แต่ว่า ตถาคตเรียกกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง
จิตเป็นต้น นั้น ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน

[๒๓๒] ภิกษุทั้งหลาย วานรเมื่อเที่ยวไปในป่าใหญ่จับกิ่งไม้ ปล่อยกิ่งนั้นยึดเอากิ่งอื่น
ปล่อยกิ่งที่ยึดเดิม เหนี่ยวกิ่งใหม่ต่อไป แม้ฉันใด
กายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ที่ตถาคตเรียกว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง
จิตเป็นต้นนั้น ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน ก็ฉันนั้นแล.
กลุ่มดอยเวียงเกี๋ยง
สมาชิกทั่วไป
 
โพสต์: 77
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 25 เม.ย. 2010 6:56 am

Re: จิตพระอรหันต์ ดับตอนใหน?

โพสต์โดย วานิชยา » เสาร์ 06 ส.ค. 2011 6:47 pm

ความเข้าใจของจิตที่ได้เข้าใจมา คือว่า ดวงจิตที่เป็นรูปร่างกายคล้ายมนุษย์แต่เป็นร่างทิพย์

จิตดวงที่ว่านี้ สามารถถอดออกจากร่างกายไปนั่นไปนี่ได้ และปรากฏให้คนเห็นได้

เช่นมีผู้เห็นหลวงปู่แหวนถอดจิตออกไปเดินบนท้องฟ้า จนมีทหารอากาศที่ขับ

เครื่องบินไปพบเห็น ไม่ทราบว่าเข้าใจอย่างนี่ถูกต้องหรือเปล่าคะ
วานิชยา
สมาชิกทั่วไป
 
โพสต์: 17
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 16 ก.ค. 2011 7:22 am

Re: จิตพระอรหันต์ ดับตอนใหน?

โพสต์โดย กลุ่มดอยเวียงเกี๋ยง » อาทิตย์ 07 ส.ค. 2011 12:26 pm

ความเข้าใจของคุณวานิชยา ที่เข้าใจว่า

"ดวงจิตที่เป็น รูปร่างกายคล้ายมนุษย์แต่เป็นร่างทิพย์

จิตดวงที่ว่านี้ สามารถถอดออกจากร่างกายไปนั่นไปนี่ได้ และปรากฏให้คนเห็นได้"
นั้น

เทียบเคียงกับคำสอนของพุทธองค์ว่า เข้ากันได้หรือไม่ กับประโยคที่ว่า

"ภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเข้าไปยึดถือเอากาย

อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ โดยความเป็นตน ยังชอบกว่า

แต่จะเข้าไปยึดถือเอาจิตโดยความเป็นตน หาชอบไม่
"




โดยความเป็นจริงแล้ว "จิต" นั้นหาได้เป็นตัวตน ปรากฏมีรูปร่างไม่ (ภาษาเรียกอาจจะเรียกว่า ดวงจิต ตัวจิต นั่น เป็นภาษาที่ใช้สื่อเพื่อให้รู้เรื่องกัน)

ถึงแม้จิตจะมาอาศัยอยู่ในมหาภูต ๔ (รูป คือ ร่างกายมนุษย์ หรือ ชาวกายทิพย์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเปรต ผี ปีศาจ เทวดา มาร พรหม) ก็ตาม

ถ้าได้ศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติ ในคำสอนแห่งพุทธองค์แล้ว ก็จะรู้ เข้าใจ อย่างแจ่มแจ้ง เลยว่า

มหาภูต ๔ นี้ เป็นสักแต่ว่า "ธาตุ" ตามธรรมชาติเท่านั้น ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ปราศจากชีวะ ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่างจริงๆ

หาความเที่ยงแท้ หาความจีรังยั่งยืนไม่ได้ เป็นของต้องเสื่อม เปลี่ยนแปร และแตกสลายในที่สุด

แล้ว "จิต" ที่อาศัยอยู่ในมหาภูต ๔ นั้นเล่า ก็เป็นสักแต่ว่าจิต ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน(รูปร่าง) มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แปรเปลี่ยน และดับไป เป็นธรรมดา


ทีนี้ ทำยังไงเราถึงจะรู้จักจิตได้?

เราก็ต้องมาเรียนรู้ใน “ร่างกาย” ของเรา ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง? คือ

ร่างกายนี้ประกอบด้วยส่วนประกอบหลักๆ สองส่วนคือ กายกับจิต หรือ กายกับใจ (เรียกว่า ขันธ์ ๕ ก็ได้ บางสำนักเรียกว่า รูป-นาม)

ซึ่งแยกแยะต่อไปได้อีก ดังนี้ ...


(ร่าง)กาย ประกอบมีขึ้นมาด้วยธาตุทั้ง ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม

ธาตุที่มีลักษณะแข้น แข็ง คือลักษณะแห่งธาตุดิน

ธาตุที่มีลักษณะเอิบอาบ ซึมซาบ คือลักษณะแห่งธาตุน้ำ

ธาตุที่มีลักษณะร้อน อบอุ่น คือลักษณะแห่งธาตุไฟ

ธาตุที่มีลักษณะพัด (ผลักดัน แล่น) ไป-มา คือลักษณะแห่งธาตุลม


จิต ประกอบมีขึ้นมา ด้วยนามขันธ์ทั้ง ๔ คือ

๑. เวทนา (ความรู้สึกสุข ทุกข์ และไม่ทุกข์ไม่สุข)

๒. สัญญา (ความจำได้ หมายไว้ เช่น จำรูป จำสีขาว สีเขียว จำเสียง เป็นต้น)

๓. สังขาร (ความคิด ความปรุงแต่ง เช่น คิดดี เรียกกุศล คิดไม่ดีเรียกอกุศล เป็นต้น)

๔. วิญญาณ (ความรู้ได้ เช่น ตาเห็นรูป เกิดความรู้ขึ้น เป็นต้น)

ส่วนทั้ง ๔ นี้ ประกอบกันเข้า จึงเรียกได้ว่า “จิต”


ขอให้คุณวานิชยาศึกษา เรียนรู้ ทำความเข้าใจ พิจารณา แยกแยะ ในเรื่องของ กายและจิต นี้ อย่างความเป็นผู้ปราถนาที่จะ "รู้จริง" จริงๆ

แล้วคุณจะไม่สงสัยในเรื่องของ "จิต" "ใจ" "วิญญาณ" "ผู้รู้" เลย

อยากรู้จริง หรือยัง?
กลุ่มดอยเวียงเกี๋ยง
สมาชิกทั่วไป
 
โพสต์: 77
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 25 เม.ย. 2010 6:56 am


ย้อนกลับไปยัง ถาม-ตอบ ปัญหาธรรมะ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน

cron